วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แนะนำวิธีการล้างห้องเครื่อง อย่างไร ให้สวยงามและถูกวิธี

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “น้ำมันแก๊สโซฮอล์”
ตามที่มีข้อสงสัยกรณี “น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีผลกระทบต่อถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันของรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 ขึ้นไป” นั้น
บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ตลอดระยะเวลา 27 ปี ปตท.
ได้มุ่งมั่น ทุ่มเทการดําเนินงานเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคเสมอมา ภายใต้การเป็นมิตรต่อ
สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายแรกของประเทศที่จําหน่ายน้ำมันเบนซินพิเศษไร้สารตะกั่ว รวมถึงการ
ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ดี มีคุณภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ผ่าน
สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยฯ ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ใคร่
ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยขอสรุปสาระสําคัญผ่านข้อสงสัยดังนี้

ข้อสงสัย 1. รถยนต์ในประเทศไทยที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 ขึ้นไป วัสดุถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันจากถัง
น้ำมันเข้าสู่เครื่องยนต์จะทําจากยางหรือพลาสติกชนิดพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันไร้สารตะกั่วทําปฏิกิริยา
กับถังน้ำมันเหล็กของรถยนต์รุ่นที่เก่ากว่าปี 1994 ลงไป ดังนั้น เมื่อรัฐบาลมารณรงค์ให้ใช้ “น้ำมันแก็ส
โซฮอล์” หรือ E10 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอล 10% และน้ำมันเบนซิน91 อยู่ 90% เอทานอล 10% ที่ว่านี้ จะ
ไปทําปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ที่ผลิตจากวัสดุที่ทําจากยาง หรือพลาสติก
ชนิดพิเศษดังกล่าว จะเกิดการกัดกร่อน กลายเป็นตะกอนสะสมในถังน้ำมัน

คําตอบ 1. ในทุกประเทศที่มีการยกเลิกสารตะกั่วในน้ำมันเบนซิน จําเป็นต้องใช้สารเพิ่มค่าออกเทนชนิดอื่น
มาทดแทน ซึ่งสารที่สามารถนํามาใช้ได้และไม่มีผลกระทบกับสมรรถนะของรถยนต์คือสาร MTBE
และ Ethanol (เอทานอล) ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงได้มีการพัฒนาวัสดุที่ใช้ในระบบฉีดเชื้อเพลิง ตั้งแต่
ถังน้ำมัน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อทางเดินน้ำมัน จนถึงหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ให้มีคุณสมบัติที่สามารถทนต่อ
สาร MTBE และ Ethanol ได้ ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงได้ให้ความมั่นใจว่า รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี
1995 เป็นต้นมา สามารถใช้กับน้ำมันเบนซินที่ผสม เอทานอลได้ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบยี่ห้อ รุ่นรถได้
ที่เว็บไซต์ของ ปตท. (www.pttplc.com)
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 1995 บางรุ่นอาจใช้น้ำมันแก็สโซฮอล์ได้ โดยผู้ใช้สามารถ
สอบถามโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์

ข้อสงสัย 2. การใช้แก๊สโซฮอล์จะไปทําปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมันรถยนต์ที่ผลิตจาก
วัสดุที่ทําจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษดังกล่าว ทําให้เกิดการกัดกร่อน กลายเป็นตะกอนสะสมในถัง
น้ำมันไปเรื่อยๆ ทีละน้อย ปั๊มน้ำมันไฟฟ้าจะต้องทํางานหนักขึ้นเพื่อดูดน้ำมันเข้าไปเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์
ทําให้อายุการใช้งานของปั๊มน้ำมันไฟฟ้าสั้นลงอย่างรวดเร็ว และทําให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรองเบนซิน
อุดตันเร็วกว่าปกติ

คําตอบ 2. เนื่องจากวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในระบบฉีดเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 และผู้ผลิต
ได้ให้คําแนะนําว่าสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้นั้น ได้ถูกออกแบบมาและมีการทดสอบแล้วว่าสามารถ
ทนต่อ MTBE และ Ethanol ได้ ดังนั้นจึงไม่มีการละลายของยางหรือเกิดการกัดกร่อนของยาง หรือ
พลาสติกใด ๆจนเป็นสาเหตุให้เกิดตะกอนสะสมในถังน้ำมันอย่างที่เข้าใจกัน
สําหรับกรณีที่สงสัยว่า ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วทําให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรอง
เบนซินอุดตันเร็วนั้น “ไม่เป็นความจริง” เพราะการที่จะเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับปัจจัย
ต่างๆ อาทิ ลักษณะการใช้งานของรถยนต์, อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง คุณภาพของไส้กรอง
เป็นต้น หากรถยนต์บางคันมีการสะสมของคราบสิ่งสกปรกในระบบเชื้อเพลิง อยู่แล้ว เมื่อเปลี่ยนมาใช้
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีในด้านการทําความสะอาดจึงอาจไปชะล้างคราบสิ่งสกปรก
ออกมาในครั้งแรกของการใช้เท่านั้น

ข้อสงสัย 3. ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมีตะกอนของยางและพลาสติกชนิดพิเศษไปเกาะตามบ่าวาล์ว
ลูกสูบ แหวนลูกสูบ หากมีปริมาณไม่มาก ก็จะทําให้แหวนลูกสูบสึกหรอไปทีละน้อย แต่หากมีปริมาณมากๆ
แล้ว แหวนลูกสูบจะบิ่น ทําให้เครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาเนื่องจากแหวนลูกสูบไม่สามารถกวาดน้ำมันเครื่องลง
ก้นอ่างได้หมด ทําให้รถยนต์คันนั้นมีปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ สะสมทีละน้อยๆ เครื่องก็จะค่อยๆ หลวม
ไปทีละนิด

คําตอบ 3. ปตท. โดย สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ได้วิจัยทดสอบการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์กับรถยนต์ทั้งที่
ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา และรถรุ่นเก่าที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ ที่ระยะทาง 100,000
กิโลเมตร โดยวัดมลพิษไอเสียและทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ทั้งตลอดช่วงเวลาการใช้งานและหลังการใช้
งาน โดยการถอดเครื่องยนต์เพื่อประเมินความสกปรกที่เกิดขึ้นที่ลิ้นไอดี ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ รวมทั้ง
ความสึกหรอตามชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ แหวนลูกสูบ กระบอกสูบ แบริ่งส่วนต่างๆ
วัดอัตราการฉีดเชื้อเพลิงของหัวฉีด และตามชิ้นส่วนต่างๆ ของคาร์บูเรเตอร์ ผลการประเมินชิ้นส่วนทั้งหมด
พบว่า ระดับของการสึกหรออยู่ในระดับปกติ ไม่แตกต่างจากการใช้เชื้อเพลิงเบนซินทั่วไป ดังนั้น
จึงสรุปได้ว่าการใช้ “น้ำมันแก๊สโซฮอล์” ไม่ได้มีผลกระทบต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่ผิดปกติไป
กว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาแต่อย่างใด

ข้อสงสัย 4. คาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ หรือตัวกรองไอเสียของรถยนต์ในปัจจุบันไม่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อรองรับการใช้งานกับเชื้อเพลิงชนิดเอทานอลเบลนด์ การใช้งานเชื้อเพลิงชนิดอื่นนอกจาก RON (น้ำมันไร้
สารตะกั่ว) ย่อมทําให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้ลดลงกว่าที่ควรจะเป็น (คาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์
อายุใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10 ปี)

คําตอบ 4. โดยปกติ คาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ หรืออุปกรณ์กรองมลพิษไอเสีย จะเสื่อมสภาพหรือ
มีอายุการใช้งานที่สั้นลง เมื่อสัมผัสกับโลหะหนักที่อยู่ในไอเสีย เช่น สารตะกั่ว กํามะถัน ซึ่งน้ำมัน
แก๊สโซฮอล์ไม่ได้มีโลหะหนักผสมอยู่ จึงไม่ได้มีผลต่ออายุการใช้งานคาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์
ทั้งนี้ การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์กรองมลพิษไอเสีย มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่
4.1 เสื่อมสภาพจากการใช้งานตามปกติ ซึ่งปกติอายุของอุปกรณ์กรองไอเสียนี้จะมีอายุประมาณ 1
- 2 แสนกิโลเมตร ตามระดับเทคโนโลยีการผลิต
4.2 ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานไม่เหมาะสม เช่น ติดตั้งอุปกรณ์เข้าใกล้เครื่องยนต์มากเกินไป
การใช้งานที่อุณหภูมิของไอเสียสูงมากเป็นระยะเวลานาน หรือ การอุปกรณ์กรองไอเสียถูกกระแทกอย่างแรง

ข้อสงสัย 5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ที่ใช้กันในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตเอทานอลในประเทศไทยแต่ละรายยังไม่
สามารถส่งมอบเอทานอลได้มาตรฐานตามข้อกําหนด ทําให้คุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในปัจจุบันยังไม่นิ่ง
และแปรเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบของแต่ละโรงงานผลิต ส่งผลให้การผสมน้ำมันเบนซินไม่ได้สัดส่วนที่แน่นอน
อย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากมีบางโรงงานลดคุณภาพของเอทานอลลง เพราะไม่สามารถปรับราคาจําหน่าย
ขึ้นจาก 12.75 บาท มาเป็น 14.90 บาทได้ จนกระทั่งปัจจุบันรัฐบาลต้องให้ราคาสูงถึง ลิตรละ 15.00 บาท
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพื่อจูงใจให้โรงงานผลิตเอทานอลเหล่านี้

คําตอบ 5. ในการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะต้องจัดหาเอทานอลที่มีคุณสมบัติเป็นไป
ตามข้อกําหนดคุณภาพของเอทานอลที่ใช้สําหรับเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งไม่ว่าผู้ผลิตเอทานอลจะผลิต
เอทานอลจากวัตถุดิบชนิดใด หรือจะต้องขายเอทานอลด้วยราคาเท่าใดก็ตาม เอทานอลที่จะ
นําเสนอขายหรือผลิตได้จะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศข้อกําหนดด้วย มิฉะนั้นผู้ค้าน้ำมันจะ
ไม่สามารถรับซื้อได้ นอกจากนั้น ผู้ค้าน้ำมันจะต้องผสมเอทานอลในอัตราส่วนตามที่กฎหมายกําหนดและ
ควบคุมคุณภาพของแก๊สโซฮอล์ที่ผลิตได้ให้เป็นไปตามประกาศคุณสมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ปีพ.ศ. 2547
ของกรมธุรกิจพลังงาน เช่นกัน

ข้อสงสัย 6. แก๊สโซฮอล์ E10 ไม่สามารถให้พลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 เดิม ทําให้ต้องเติมจํานวน
มากกว่า เพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่เท่าๆ กัน

คําตอบ 6. น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีค่าความร้อนต่ำกว่าน้ำมันเบนซินเล็กน้อย เนื่องจากมีก๊าซออกซิเจนซึ่งเป็นสาร
ไม่ให้พลังงานความร้อนแต่ช่วยทําให้การเผาไหม้สมบูรณ์เป็นองค์ประกอบอยู่ส่วนหนึ่ง จากผลการทดสอบโดย
สถาบันวิจัยฯ ปตท. ภายใต้สภาวะของการขับขี่ที่ควบคุมได้ พบว่าอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของน้ำมัน
แก๊สโซฮอล์แตกต่างจากน้ำมันเบนซิน 95 อยู่เพียง 1-2% อย่างไรก็ตาม การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับ
สภาพการขับขี่ของแต่ละบุคคล, สภาพของรถยนต์ และสภาพจราจรบนท้องถนน ฯลฯ แต่เมื่อเปรียบเทียบ
กับราคาจําหน่ายแล้ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 1.50 บาท หรือ
5.7% จากราคาน้ำมันเบนซิน 95 ปัจจุบันที่ 26.14 บาท/ลิตร ยังสามารถช่วยประหยัดเงินผู้ใช้ได้
มากกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ประมาณร้อยละ 3.7% ทีเดียว


« เมื่อ: 2007-11-29, 15:11:07 »


อ้างอิงจาก http://www.pttplc.com/th/document/pdf/gasohol_fact.pdf

ส่วนที่เป็นสีเหลืองคือส่วนของผมเอง

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “น้ำมันแก๊สโซฮอล์”
ตามที่มีข้อสงสัยกรณี “น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีผลกระทบต่อถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันของรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 ขึ้นไป” นั้น
บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ตลอดระยะเวลา 27 ปี ปตท.
ได้มุ่งมั่น ทุ่มเทการดําเนินงานเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคเสมอมา ภายใต้การเป็นมิตรต่อ
สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายแรกของประเทศที่จําหน่ายน้ำมันเบนซินพิเศษไร้สารตะกั่ว รวมถึงการ
ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ดี มีคุณภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ผ่าน
สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยฯ ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ใคร่
ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยขอสรุปสาระสําคัญผ่านข้อสงสัยดังนี้

ข้อสงสัย 1. รถยนต์ในประเทศไทยที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 ขึ้นไป วัสดุถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันจากถัง
น้ำมันเข้าสู่เครื่องยนต์จะทําจากยางหรือพลาสติกชนิดพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันไร้สารตะกั่วทําปฏิกิริยา
กับถังน้ำมันเหล็กของรถยนต์รุ่นที่เก่ากว่าปี 1994 ลงไป ดังนั้น เมื่อรัฐบาลมารณรงค์ให้ใช้ “น้ำมันแก็ส
โซฮอล์” หรือ E10 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอล 10% และน้ำมันเบนซิน91 อยู่ 90% เอทานอล 10% ที่ว่านี้ จะ
ไปทําปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ที่ผลิตจากวัสดุที่ทําจากยาง หรือพลาสติก
ชนิดพิเศษดังกล่าว จะเกิดการกัดกร่อน กลายเป็นตะกอนสะสมในถังน้ำมัน

คําตอบ 1. ในทุกประเทศที่มีการยกเลิกสารตะกั่วในน้ำมันเบนซิน จําเป็นต้องใช้สารเพิ่มค่าออกเทนชนิดอื่น
มาทดแทน ซึ่งสารที่สามารถนํามาใช้ได้และไม่มีผลกระทบกับสมรรถนะของรถยนต์คือสาร MTBE
และ Ethanol (เอทานอล) ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงได้มีการพัฒนาวัสดุที่ใช้ในระบบฉีดเชื้อเพลิง ตั้งแต่
ถังน้ำมัน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อทางเดินน้ำมัน จนถึงหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ให้มีคุณสมบัติที่สามารถทนต่อ
สาร MTBE และ Ethanol ได้ ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงได้ให้ความมั่นใจว่า รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี
1995 เป็นต้นมา สามารถใช้กับน้ำมันเบนซินที่ผสม เอทานอลได้ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบยี่ห้อ รุ่นรถได้
ที่เว็บไซต์ของ ปตท. (www.pttplc.com)
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 1995 บางรุ่นอาจใช้น้ำมันแก็สโซฮอล์ได้ โดยผู้ใช้สามารถ
สอบถามโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์

* คำตอบพูดถึงรถปี 1995 ขึ้นไปที่มีการแก้ไขถังน้ำมัน
ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อทางเดินน้ำมัน จนถึงหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง
เพื่อให้ใช้งานน้ำมันไร้สารตะกั่วได้นั้น จะสามารถใช้งานแก๊ซโซฮอล์ได้เช่นกัน
แต่ก็ไม่ได้บอกว่ารถที่เก่ากว่าปี 1995 สามารถใช้งานแก๊ซโซฮอล์ได้



ข้อสงสัย 2. การใช้แก๊สโซฮอล์จะไปทําปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมันรถยนต์ที่ผลิตจาก
วัสดุที่ทําจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษดังกล่าว ทําให้เกิดการกัดกร่อน กลายเป็นตะกอนสะสมในถัง
น้ำมันไปเรื่อยๆ ทีละน้อย ปั๊มน้ำมันไฟฟ้าจะต้องทํางานหนักขึ้นเพื่อดูดน้ำมันเข้าไปเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์
ทําให้อายุการใช้งานของปั๊มน้ำมันไฟฟ้าสั้นลงอย่างรวดเร็ว และทําให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรองเบนซิน
อุดตันเร็วกว่าปกติ

คําตอบ 2. เนื่องจากวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในระบบฉีดเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 และผู้ผลิต
ได้ให้คําแนะนําว่าสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้นั้น ได้ถูกออกแบบมาและมีการทดสอบแล้วว่าสามารถ
ทนต่อ MTBE และ Ethanol ได้ ดังนั้นจึงไม่มีการละลายของยางหรือเกิดการกัดกร่อนของยาง หรือ
พลาสติกใด ๆจนเป็นสาเหตุให้เกิดตะกอนสะสมในถังน้ำมันอย่างที่เข้าใจกัน
สําหรับกรณีที่สงสัยว่า ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วทําให้ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรอง
เบนซินอุดตันเร็วนั้น “ไม่เป็นความจริง” เพราะการที่จะเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับปัจจัย
ต่างๆ อาทิ ลักษณะการใช้งานของรถยนต์, อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง คุณภาพของไส้กรอง
เป็นต้น หากรถยนต์บางคันมีการสะสมของคราบสิ่งสกปรกในระบบเชื้อเพลิง อยู่แล้ว เมื่อเปลี่ยนมาใช้
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีในด้านการทําความสะอาดจึงอาจไปชะล้างคราบสิ่งสกปรก
ออกมาในครั้งแรกของการใช้เท่านั้น

* คำตอบข้อนี้ก็ยังคงพูดถึงรถยนต์ปี 1995 ขึ้นไปเช่นกัน


ข้อสงสัย 3. ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมีตะกอนของยางและพลาสติกชนิดพิเศษไปเกาะตามบ่าวาล์ว
ลูกสูบ แหวนลูกสูบ หากมีปริมาณไม่มาก ก็จะทําให้แหวนลูกสูบสึกหรอไปทีละน้อย แต่หากมีปริมาณมากๆ
แล้ว แหวนลูกสูบจะบิ่น ทําให้เครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาเนื่องจากแหวนลูกสูบไม่สามารถกวาดน้ำมันเครื่องลง
ก้นอ่างได้หมด ทําให้รถยนต์คันนั้นมีปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ สะสมทีละน้อยๆ เครื่องก็จะค่อยๆ หลวม
ไปทีละนิด

คําตอบ 3. ปตท. โดย สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ได้วิจัยทดสอบการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์กับรถยนต์ทั้งที่
ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา และรถรุ่นเก่าที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ ที่ระยะทาง 100,000
กิโลเมตร โดยวัดมลพิษไอเสียและทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ทั้งตลอดช่วงเวลาการใช้งานและหลังการใช้
งาน โดยการถอดเครื่องยนต์เพื่อประเมินความสกปรกที่เกิดขึ้นที่ลิ้นไอดี ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ รวมทั้ง
ความสึกหรอตามชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ แหวนลูกสูบ กระบอกสูบ แบริ่งส่วนต่างๆ
วัดอัตราการฉีดเชื้อเพลิงของหัวฉีด และตามชิ้นส่วนต่างๆ ของคาร์บูเรเตอร์ ผลการประเมินชิ้นส่วนทั้งหมด
พบว่า ระดับของการสึกหรออยู่ในระดับปกติ ไม่แตกต่างจากการใช้เชื้อเพลิงเบนซินทั่วไป ดังนั้น
จึงสรุปได้ว่าการใช้ “น้ำมันแก๊สโซฮอล์” ไม่ได้มีผลกระทบต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่ผิดปกติไป
กว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาแต่อย่างใด

* คำตอบข้อนี้พูดถึงเครื่องยนต์รุ่นเก่าด้วย แต่ก็ไม่ได้ตอบว่า
ในรถยนต์รุ่นเก่ากว่าปี 1995 นั้น แก๊สโซฮอล์จะไปทําปฏิกิริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมันรถยนต์หรือไม่



ข้อสงสัย 4. คาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ หรือตัวกรองไอเสียของรถยนต์ในปัจจุบันไม่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อรองรับการใช้งานกับเชื้อเพลิงชนิดเอทานอลเบลนด์ การใช้งานเชื้อเพลิงชนิดอื่นนอกจาก RON (น้ำมันไร้
สารตะกั่ว) ย่อมทําให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้ลดลงกว่าที่ควรจะเป็น (คาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์
อายุใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10 ปี)

คําตอบ 4. โดยปกติ คาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ หรืออุปกรณ์กรองมลพิษไอเสีย จะเสื่อมสภาพหรือ
มีอายุการใช้งานที่สั้นลง เมื่อสัมผัสกับโลหะหนักที่อยู่ในไอเสีย เช่น สารตะกั่ว กํามะถัน ซึ่งน้ำมัน
แก๊สโซฮอล์ไม่ได้มีโลหะหนักผสมอยู่ จึงไม่ได้มีผลต่ออายุการใช้งานคาตาไลติก คอนเวอร์เตอร์
ทั้งนี้ การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์กรองมลพิษไอเสีย มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่
4.1 เสื่อมสภาพจากการใช้งานตามปกติ ซึ่งปกติอายุของอุปกรณ์กรองไอเสียนี้จะมีอายุประมาณ 1
- 2 แสนกิโลเมตร ตามระดับเทคโนโลยีการผลิต
4.2 ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานไม่เหมาะสม เช่น ติดตั้งอุปกรณ์เข้าใกล้เครื่องยนต์มากเกินไป
การใช้งานที่อุณหภูมิของไอเสียสูงมากเป็นระยะเวลานาน หรือ การอุปกรณ์กรองไอเสียถูกกระแทกอย่างแรง

* คำตอบข้อนี้ชัดเจน


ข้อสงสัย 5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ที่ใช้กันในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตเอทานอลในประเทศไทยแต่ละรายยังไม่
สามารถส่งมอบเอทานอลได้มาตรฐานตามข้อกําหนด ทําให้คุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในปัจจุบันยังไม่นิ่ง
และแปรเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบของแต่ละโรงงานผลิต ส่งผลให้การผสมน้ำมันเบนซินไม่ได้สัดส่วนที่แน่นอน
อย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากมีบางโรงงานลดคุณภาพของเอทานอลลง เพราะไม่สามารถปรับราคาจําหน่าย
ขึ้นจาก 12.75 บาท มาเป็น 14.90 บาทได้ จนกระทั่งปัจจุบันรัฐบาลต้องให้ราคาสูงถึง ลิตรละ 15.00 บาท
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพื่อจูงใจให้โรงงานผลิตเอทานอลเหล่านี้

คําตอบ 5. ในการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะต้องจัดหาเอทานอลที่มีคุณสมบัติเป็นไป
ตามข้อกําหนดคุณภาพของเอทานอลที่ใช้สําหรับเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งไม่ว่าผู้ผลิตเอทานอลจะผลิต
เอทานอลจากวัตถุดิบชนิดใด หรือจะต้องขายเอทานอลด้วยราคาเท่าใดก็ตาม เอทานอลที่จะ
นําเสนอขายหรือผลิตได้จะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศข้อกําหนดด้วย มิฉะนั้นผู้ค้าน้ำมันจะ
ไม่สามารถรับซื้อได้ นอกจากนั้น ผู้ค้าน้ำมันจะต้องผสมเอทานอลในอัตราส่วนตามที่กฎหมายกําหนดและ
ควบคุมคุณภาพของแก๊สโซฮอล์ที่ผลิตได้ให้เป็นไปตามประกาศคุณสมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ปีพ.ศ. 2547
ของกรมธุรกิจพลังงาน เช่นกัน

* คำตอบข้อนี้ชัดเจน


ข้อสงสัย 6. แก๊สโซฮอล์ E10 ไม่สามารถให้พลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 เดิม ทําให้ต้องเติมจํานวน
มากกว่า เพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่เท่าๆ กัน

คําตอบ 6. น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีค่าความร้อนต่ำกว่าน้ำมันเบนซินเล็กน้อย เนื่องจากมีก๊าซออกซิเจนซึ่งเป็นสาร
ไม่ให้พลังงานความร้อนแต่ช่วยทําให้การเผาไหม้สมบูรณ์เป็นองค์ประกอบอยู่ส่วนหนึ่ง จากผลการทดสอบโดย
สถาบันวิจัยฯ ปตท. ภายใต้สภาวะของการขับขี่ที่ควบคุมได้ พบว่าอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของน้ำมัน
แก๊สโซฮอล์แตกต่างจากน้ำมันเบนซิน 95 อยู่เพียง 1-2% อย่างไรก็ตาม การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับ
สภาพการขับขี่ของแต่ละบุคคล, สภาพของรถยนต์ และสภาพจราจรบนท้องถนน ฯลฯ แต่เมื่อเปรียบเทียบ
กับราคาจําหน่ายแล้ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 1.50 บาท หรือ
5.7% จากราคาน้ำมันเบนซิน 95 ปัจจุบันที่ 26.14 บาท/ลิตร ยังสามารถช่วยประหยัดเงินผู้ใช้ได้
มากกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ประมาณร้อยละ 3.7% ทีเดียว

* คำตอบข้อนี้อ้างถึงสภาพการขับขี่ของแต่ละบุคคล
แต่ก็ยอมรับว่าแก๊สโซฮอล์ E10 ไม่สามารถให้พลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 เดิม
ทําให้ต้องเติมจํานวนมากกว่า เพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่เท่าๆ กัน และเหมือนยอมรับไปถึง E20 ว่าจะยิ่งเห็นความแตกต่าง



ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดเงินของแต่ละท่านแล้ว ที่สําคัญเรายังมีส่วนช่วยประเทศชาติประหยัด
เงินตราลดการนําเข้าเชื้อเพลิงลงได้ด้วย ในภาวะวิกฤติพลังงานเช่นนี้ทุกคนในชาติต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศ
ขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่ออนาคตของคนรุ่นหลัง ปตท. พร้อมที่จะทําหน้าที่ให้ดีและ
เหมาะสมที่สุดในฐานะ “บริษัทพลังงานแห่งชาติ” อย่างสมบูรณ์ต่อไป ให้สมกับเป็น ปตท. “พลังไทย เพื่อไทย”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องแก๊สโซฮอล์ ได้ที่
• ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2537-2422
• สอบถามข้อมูลทางเทคนิค ได้ที่ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. โทร. 02-537-3000 ต่อ 2465, 2415, 3245
• ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.pttplc.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น