วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ขับรถให้ประหยัดและปลอดภัย

วิธีการขับรถอย่างประหยัดและปลอดภัยเพื่อช่วยให้ท่านผู้ใช้รถประหยัด เงินทองและช่วยชาติในการประหยัดพลังงานซึ่งมีอยู่หลายวิธีการด้วยกัน อาทิเช่น

ใช้เกียร์ให้ถูกต้อง

เกียร์ แต่ละระดับจะต้องมีความสัมพันธ์กับความเร็วของรถ ถ้าท่านลากเกียร์ต่ำนานๆ หรือเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงในขณะที่ความเร็วของรถยังไม่พอ เป็นสาเหตุให้เปลืองน้ำมัน และถ้าเลี้ยงคลัทช์ขณะจอดรถ ติดสะพาน หรือรอสัญญาณจราจรนั้น ก็จะทำให้สิ้นเปลืองคลัทช์ และน้ำมัน ควรหลีกเลี่ยง โดยใช้การเหยียบเบรคและเบรคมือช่วยแทน

เปิดแอร์เท่าที่จำเป็น

แอร์ รถยนต์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับสภาพอากาศร้อนระอุบนถนนเมืองไทย แต่รถที่ใช้แอร์จะเปลืองน้ำมันมากกว่ารถที่ไม่ได้แอร์อย่างน้อย 10% ขึ้นไป วิธีประหยัดน้ำมันก็คือ เลือกเปิดแอร์เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าอากาศภายนอกเย็น แอร์รถยนต์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดใช้เลย

ตรวจสอบลมยาง

รถ แต่ละชนิดใช้ขนาดยางและแรงอัดลมยางไม่เท่ากัน ท่านควรหมั่นตรวจสอบยางทั้งสี่ล้อของท่านอยู่เสมอ ให้ได้แรงอัดจำนวนปอนด์ต่อตารางนิ้วเท่าที่กำหนดไว้ เพราะว่าถ้าปล่อยให้ยางอ่อนเกินไป จะเพิ่มความฝืดให้กับรถทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก

กำหนดเส้นทางขับ

ก่อน ออกรถ ท่านควรจะกำหนดเส้นทาง หรือใช้คู่มือแผนที่เพื่อกำหนดเส้นทางไว้ก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ระยะทางสั้นที่สุดที่จะประหยัดเวลาของท่านให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญก็คือช่วยประหยัดน้ำมันให้ท่านมากที่สุดด้วย

ตรวจสภาพรถ

หมั่น ตรวจสอบและสังเกตุสภาพรถอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ไฟหน้า ไฟท้ายรถ ยางรถ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญมาก เมื่อส่วนหนึ่งชำรุดเสียหาย ส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะเสียหายตามไปด้วย ท่านจึงควรมีเวลาตรวจสอบรถของท่านอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งหรือนำรถไปให้อู่ หรือสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งจะมีช่างผู้ชำนาญและคอยให้คำแนะนำ เพื่อให้รถของท่านมีความมั่นคงแข็งแรงใช้งานได้อย่างมั่นใจตลอดการเดินทาง

ใช้รถร่วมกัน

ควร ใช้รถร่วมกันกับมิตรสหาย หรือเพื่อนบ้าน หากท่านมองดูรอบๆ ตัว บนท้องถนนในเวลาปกติ ท่านจะเห็นว่ารถติดแน่นไปหมด และส่วนใหญ่ในรถแต่ละคันนั้นมักจะมีเจ้าของนั่งขับอยู่เพียงคนเดียว หากเราหันหน้าเข้าหามิตรสหายหรือเพื่อนบ้านที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันและตกลง ที่จะผลัดกันใช้รถร่วมกัน ท่านจะประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล ทั้งเป็นการช่วยลดการจราจรที่ติดขัดได้อย่างมากอีกด้วย

รักษากฎจราจร

ต้อง รักษากฎจราจรโดยเคร่งครัด เพราะโดยมากอุบัติเหตุและการจราจรติดขัดมักจะมีสาเหตุมาจากการไม่เคารพกฎ จราจร เช่น การแซงรถในที่คับขัน การไม่รักษาเส้นทาง การไม่ให้สัญญาณที่ถูกต้องเมื่อจะเปลี่ยนเส้นทาง ขาดมารยาทการขับรถที่ดีและไม่มีน้ำใจในการขับรถ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ใจและมีน้ำใจ เพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินบนท้องถนนไว้ให้ปลอดภัย

ให้สัญญาณ

บอก ให้คนอื่นทราบ เมื่อท่านขับรถบนท้องถนน หรือเดาได้ว่าท่านจะทำอะไรหรือไปทางไหน เช่น ชะลอรถและชิดซ้าย เมื่อจะเข้าซอยซ้ายมือ เมื่อจะเลี้ยวขวาก็ให้สัญญาณเลี้ยวขวา และชะลอรถชิดขอบทางด้านขวา เมื่อท่านจะแซงก็ต้องให้สัญญาณล่วงหน้าอย่างถูกต้อง

อย่าขับรถเร็ว

ถ้า เราขับรถเร็ว เราก็จะบังคับรถลำบากขึ้นโอกาสที่จะประสบอุบัติเหตุก็สูง แม้ว่าท่านจะขับรถเก่งและรู้กฎจราจรดี แต่ถ้าเร่งความเร็วของรถเพื่อแข่งกับเวลาหรือเพื่อจุดประสงค์อื่นใดก็ตาม พึงระลึกอยู่เสมอว่า "ช้าสักนิด ชีวิตปลอดภัย"

ระวังถนนลื่น

ฝน ตก ถนนลื่น ถนนที่เป็นอันตราย ก็คือถนนที่เปียกชื้น ขณะฝนตกหรือหลังจากฝนตกใหม่ๆ เพราะถนนลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ควรขับรถให้ช้าลงและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ

ใช้เกียร์ช่วยบังคับรถ

การ ฝึกการใช้เกียร์ช่วยบังคับรถ โดยเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงมาจะเพิ่มความปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุได้ ผู้ขับรถบางคนติดนิสัยที่จะต้องปลดเกียร์ว่างหรือเหยียบคลัทช์พร้อมๆ กับเบรคเสมอ วิธีนี้ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย ถ้ารถเบรคในขณะที่ถนนไม่อยู่ในสภาพที่ดีพอ

ร่างกายและจิตใจต้องพร้อม

หาก ขับรถเมื่อสภาพร่างกายและจิตใจพร้อม โดยเมาไม่ขับหรือกินยาระงับประสาท หรือง่วงนอน อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้ง่าย ท่านควรจะหยุดจอดในที่ปลอดภัยหรือจอดล้างหน้า หรือหาที่พักได้ที่ป้อมตำรวจทางหลวง แล้วค่อยขับรถต่อ ลดความเร็วลง เปิดกระจกให้อากาศภายในรถถ่ายเทได้สะดวก

การใช้ไฟให้ถูกต้อง

ขณะ ขับรถในเวลาค่ำคืน จะช่วยลดอุบัติเหตุในกรณีที่มีรถวิ่งสวนทางมาท่านควรจะใช้ไฟสูง-ต่ำสลับกัน เตือนเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยปลุกให้ผู้ที่ขับรถสวนมาตื่นจากภวังค์ และขณะรถสวนกันท่านจะต้องใช้ไฟต่ำพร้อมกับลดความเร็่วลง การใช้ไฟสูงขณะขับรถสวนกันเป็นอันตรายมาก เพราะทำให้ผู้ขับรถสวนมาตาพร่ามัวก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ข้อควรปฏิบัติเหล่านี้ ถ้านำไปใช้อย่างสม่ำเสมอก็จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนได้บ้างตามสมควร แต่มีคติอยู่ข้อหนึ่งที่ควรยึดถือเป็นหลักประจำใจนั่นคือ "ปลอดภัยไว้ก่อน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น